กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส แถลงแผนธุรกิจและกลยุทธ์ ปี 2561 แก่สื่อมวลชน

กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส เผยแผนธุรกิจและกลยุทธ์ปี 2560

มุ่งเติบโตยั่งยืน ก้าวขึ้นสู่กลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจร

 

(กรุงเทพฯ--30 มกราคม 2560) บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส เผยแผนธุรกิจและกลยุธ์ปี 2560 ยังคงเน้นการกระจายรายได้ต่อเนื่องจากหลายปีที่ผ่านมา เพื่อบริหารความเสี่ยง และสร้างฐานะการเงินที่เข็งแกร่ง พร้อมสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำแบบครบวงจร เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
 
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด และประธานกรรมการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า “ช่วงหลายปีที่ผ่านมากลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส ดำเนินงานภายใต้แนวคิดการกระจายรายได้บริหารความเสี่ยง เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องดังกล่าว สำหรับปี 2560 นี้ก็เช่นกัน กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัสยังมุ่งเน้นสานต่อนโยบายเดิม”
 
โดยกำหนดกลยุทธ์หลักขับเคลื่อนธุรกิจ 4 กลยุทธ์คือ 1) ส่งเสริมการเรียนรู้และยกระดับความรู้ให้บุคลากรภายใน รวมถึงลูกค้าและนักลงทุนทั่วไป 2) กระจายรายได้บริหารความเสี่ยง โดยการสร้างซินเนอร์ยี่ระหว่างธุรกิจในกลุ่ม เน้น Cross-Selling มากขึ้น 3) พัฒนาเทคโนโลยีด้านการลงทุน เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของกลุ่มลูกค้า 4) ยกระดับการสื่อสารกับลูกค้า ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น
 
“เรื่องการกระจายรายได้เพื่อบริหารความเสี่ยง เอเซีย พลัส ทำมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว เรามองเห็นความสำคัญของการกระจายรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นตัวแปรที่บ่งชี้ถึงความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตที่แข็งแกร่ง หลายปีมานี้สัดส่วนรายได้ของกลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส เปลี่ยนแปลงเข้าสู่สมดุลมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเรียกได้ว่า ขณะนี้กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส เป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ” ดร.ก้องเกียรติกล่าว
 
การสานต่อกลยุทธ์ขยายฐานลงทุนไปยังธุรกิจอื่น โดยดูจากรายได้รวมของกลุ่มบริษัท เอเซีย พลัส ปี 2558 เทียบกับประมาณการณ์รายได้รวมปี 2559 เพิ่มขึ้น 13% โดยสัดส่วนรายได้ประมาณการณ์ปี 59 เปรียบเทียบปีก่อนหน้า (ปี 58) ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ 55% (54%) ธุรกิจบริหารสินทรัพย์และที่ปรึกษาการลงทุน 15% (15%) การลงทุน 14% (14%) ธุรกิจตราสารหนี้ 13% (11%) ธุรกิจวาณิชธนกิจ 4% (6%) และเมื่อดูโครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัท เอเซีย พลัส ในหลายปีก่อน ปี 2551 รายได้จากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ 66% การลงทุน 14% บริหารสินทรัพย์และที่ปรึกษาการลงทุน 12% ตราสารหนี้ 5% และวาณิชธนกิจ 2%
 
ดร.ก้องเกียรติกล่าวว่า “จากตัวเลขดังกล่าว เห็นได้ว่ากลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส กระจายรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไปยังผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอื่นภายในกลุ่มอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่เติบโตถึงเกือบ 10% เทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่บริหารสินทรัพย์และที่ปรึกษาการลงทุนก็เติบโตเช่นกัน ซึ่งในปีนี้จะมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มนี้ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ และรองรับความต้องการลูกค้าปัจจุบันที่ต้องการลงทุนหลากหลายมากขึ้น”
 
สำหรับกลยุทธ์การกระจายการลงทุนต่างประเทศที่กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียน ตราสารหนี้ หุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือไพรเวท อีควิตี้ และในธุรกิจสตาร์ทอัพ ถือได้ว่าเป็นสมรรถนะหลักของเอเซีย พลัส ที่สร้างความได้เปรียบอย่างยั่งยืนในตลาด โดยในปี 2560 นี้ จะยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เดิมขยายการลงทุนในต่างประเทศ
 
“เอเซีย พลัส เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจใหม่และลงทุนในต่างประเทศมาต่อเนื่อง อย่างการเปิดซื้อขายหุ้นต่างประเทศกว่า 30 ตลาด รวมทั้งการกระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และธุรกิจใหม่ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างสตาร์ทอัพหรือฟินเทค เมื่อปี 2559 บมจ. เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้ร่วมทุนกับธุรกิจอี-โลจิสติกส์ (E-logistics) ที่ขยายตลาดมาไทยและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในปีนี้จะกระจายการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวมากขึ้น” ดร.ก้องเกียรติกล่าวเพิ่มเติม
 
ล่าสุดบล.เอเซีย พลัส ได้พัฒนาแอพพลิเคชัน ASP Smart ซึ่งปรับโฉมใหม่ มีข้อมูล บทวิจัย และข่าวสาร สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ได้ ถือว่าเป็นการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่รองรับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ อีกทั้ง ขยายช่องทางโซเชียลมีเดีย อย่างเฟซบุ๊กไลฟ์ ทวิตเตอร์ เพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้ง่ายขึ้น โดยจากตัวเลขของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่าในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 9% สะท้อนถึงความสนใจในการลงทุนที่มากขึ้น และนักลงทุนกลุ่มนี้ก็ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีในการลงทุนเป็นอย่างมาก
 
“แม้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่พนักงานยังเป็นกำลังสำคัญ การพัฒนาศักยภาพของพนักงานผ่านการฝึกอบรมให้ความรู้ เป็นสิ่งที่เอเซีย พลัส ส่งเสริมมาโดยตลอด ถ้าพนักงานมีความรู้ มีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ ก็จะสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของพนักงานและบริษัท และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยในปีนี้จะมุ่งเน้นส่งเสริมการฝึกอบรม Soft Skills เพื่อการทำงานแบบมืออาชีพในทุกด้าน” ดร. ก้องเกียรติ กล่าวในตอนท้าย